6 นิสัยพาจนกระทั่ง ผู้คนจำนวนมากเคยชิน ไม่เคยสังเกตตัวเอง

[Beer625]

"ความจน" เป็นเรื่องใกล้ตัวมากยิ่งกว่าที่คุณคิด เมื่อต้นปี 2015 หน่วยงานต้านความย า กจนกระทั่ง "อ๊อกเฟม" ได้เผยแพร่ข้อมูล ณ เมืองดาวอส สำหรับการสัมมนา เวิล์ด อีวัวโนมิค ฟอรัม พูดว่า ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 1% เป็นเจ้าของความมั่งมีมากถึง 48% ของความรวยบนโลก แล้วคุณมีความรู้สึกว่า! ในประเทศไทย

คนมั่งคั่งที่สุดจะครอบครองความร่ำรวยไปเท่าไร? แล้วจะเหลือพื้นที่กี่เปอร์เซ็นต์ไว้ให้คุณ วันนี้! ถ้าคุณยังไม่ตื่นตัวปรับปรุงตนเอง ก็พอๆกับคุณกำลังก้าวลงสู่ความขาดแคลนไปทุกวัน


รวมทั้งเปอร์เซ็นต์ความร่ำรวยของคุณก็จะยิ่งถูกคนมั่งคั่งขย า ยอาณาบริเวณไปเรื่อยมาดู 6 ข้อนี้ที่จะทำให้ท่านยิ่งจนถึงลง ถ้ายังคงทำอยู่ในทุกวันของชีวิตและก็ควรรีบเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว!

1. ดำรงชีวิตเกินค่ายังชีพ

ผู้คนจำนวนมากใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย ทั้งจับจ่ายใช้สอยตามใจชอบ ซื้ อ ของที่อย า กได้ หรือแม้แต่ยอมเป็นหนี้บัตรเครดิต เพียงแต่เพื่ออยากซื้ อ ข้าวของที่ไม่มีความจำเป็นมาประดับประดาชีวิตคุณให้ดูดี แล้วก็ "มองมี" เหมือนคนอื่น คนอื่นๆที่ว่าบางทีอาจทำเป็น เนื่องจากสถานะทางด้านการเงินของเขาอาจมั่นอาจจะหรือพร้อมกว่า แต่การใช้เงิน "เกินค่ายังชีพที่ต้อง"

เป็นต้นว่า กาแฟแก้วละ 35-40 บาท กับ กาแฟแก้วละ 100-170 บาท ราคากาแฟแก้วละเยอะแค่ไหน? ที่คุณคิดว่าซื้ อ ง่ายจ่ายสุขใจได้ทั้งเดือน โน่นคือราคากาแฟที่เหมาะสมกับค่ายังชีพที่คุณแบกรับไหว ถ้าเกิดคิดว่ากังวลใจที่จะจ่ายแต่ว่าอย า กซื้ อ นั่นคือสัญญาณอั น ต ร า ยทางการเงินที่คุณกำลังใช้เกินความสามารถอยู่

2. หนักไม่เอา เบาไม่สู้

"ความจน" น่าสะพรึงกลัวกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณลองถามมหาเศรษฐีทุกคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ แม้กระนั้นขยันหาเลี้ยงชีพ พัฒนาตนเอง แล้วก็กล้าก้าวข้ามความอ่อนเพลียจนกระทั่งก่อร่างสร้างตัวจนถึงมีเงินมีทอง

ผู้คนเหล่านั้นจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่อย า กกลับไปกระทั่งอีก" แต่ว่าสำหรับผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ เพิ่งจะเริ่มธุรกิจส่วนตัว แต่ว่ายังไม่สู้งานหนัก


ไม่พร้อมกลับบ้ า นมืดค่ำ หรือเดินหนีปัญหาที่อยู่เบื้องหน้าที่ควรรับผิดชอบ ก็คงย า กที่จะพัฒนาไปสู่ความรวยทางด้านการเงิน เนื่องจากว่านาทีทองมาพร้อมหย า ดเหงื่อเสมอ

3. ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่มีระเบียบ ชิลไปวันๆ

สโลว์ไลฟ์ เป็นชีวิตชั้นสูง ที่ผู้ที่มีฐานะทางด้านการเงินพรั่งพร้อมเพียงแค่นั้น ก็เลยจะพร้อมสำหรับในการนั่งจิบกาแฟเรื่อยๆท่องเที่ยวแบบไม่รีบเร่ง บินไปเที่ยวเมื่ออย า กไป ใช้เงินซื้ อ ความสบายสบายเท่าที่สบายใจ กลับมาก่อน คุณยังเป็นหนี้ คุณยังไม่มีการคลังป้อมคง คุณยังไม่มีความสะดวกมือสำหรับในการจับจ่าย

เพราะคุณยังไม่มีระเบียบทางการเงินที่ดีรวมทั้งรัดกุม ที่สำคัญ! คุณยังปฏิบัติงานแล้วก็คิดเงินแบบผลัดวันไปเรื่อยๆอีกด้วย การเรียบเรียงชีวิตใหม่ จัดลำดับจุดสำคัญ 1 2 3 ว่าเป้าหมายที่คุณอยากได้ในชีวิตคืออะไร จะก่อให้คุณวางแผน ไม่หยุดพัฒนาตนเอง และสร้างระเบียบให้กับชีวิตที่อยากได้ได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

4. ไม่อาจจะปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น

"ไม่มีผู้ใดสามารถดำเนินการคนเดียวได้" แม้กระทั้งอาชีพฟรีแลนซ์ ก็ยังจะต้องมีคอนเน็คชั่นเพื่อสร้างงานประสิทธิภาพให้บรรลุผลสำเร็จ เมื่อคุณจะต้องดำเนินการร่วมกับคนอื่นๆในกลุ่ม สิ่งจำเป็นไม่ใช่ผลงานที่เจอความเร็จตามเป้า

แต่ว่าเป็นประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการประสานงานให้เป็นผลลัพธ์สูงสุดจากที่วางเป้าไว้ หลายท่านพลาดโอกาสสำคัญสำหรับในการล้ำหน้าหรือเลื่อนขั้นงาน ด้วยเหตุว่าไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่มาร่วมงานผู้อื่นได้


ก็เลยทำให้ประธานมีความเห็นว่าคุณยังไม่เหมาะสมจะเลื่อนขั้น หรือ หากคุณทำธุรกิจอยู่ ก็น่าจะติดขัดอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าเกิดจำต้องร่วมหุ้นกับพาร์ทเนอร์เพื่อขย า ยธุรกิจ แต่ว่าคุณกลับกระทำตัวเป็นผู้แสดงนำชายอยู่เพียงลำพัง รวมทั้งท่องเที่ยวบอกใครๆว่าคุณปฏิบัติงานนี้สำเร็จถึงแม้ว่าสำเร็จจากการทำงานร่วมกันของทีมงาน

5. กลัวการกำหนดจุดมุ่งหมายในชีวิต

การพุ่งชนจุดหมาย บางทีอาจเกิดเรื่องน่ากลัวสำหรับบางบุคคล ดังเช่น คนที่ตั้งเป้าหมายว่าจะ "ปลดหนี้" แต่กลัวการเห็นเงินในบัญชีพร่องลงจากการใช้หนี้ตรงตรงเวลา หรือเปล่ามีวินัยสำหรับการปลดหนี้ ก็เลยทำให้หลีกเลี่ยงการจ่ายชำระหนี้ จนส่งผลให้จำต้องแบกรับภาระด อ ก เ บี้ ยที่มากขึ้น หรือบางคนตั้งความมุ่งหมายว่าจะเก็บเงิน 10-20% จากค่าจ้างรายเดือนบ่อยๆ

กลับยอมแพ้เนื่องจากมองเห็นสินค้าที่ถูกใจกำลังลดราคากระหน่ำ ทำให้จำเป็นต้องควักกระเป๋าซื้ อ มาจนได้และแผนการที่อย า กเก็บเงินก็เลยล้มเหลวหมดท่า ความไม่ประสบผลสำเร็จที่คนพวกนี้ประสบคือ "ความหวาดกลัวเป้าหมายที่ตนอย า กทำ" หรือ ไม่กล้ามีเป้าหมาย เนื่องจากกลัวทำไม่ได้ จึงเป็นปัญหาที่มีความสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคุณพังทลายและไม่สามารถหลุดพ้นความขาดแคลนได้สักครั้ง

6. คิดมากจนถึงก้าวสู่ความขี้กลาดตาขาว

คนคิดมากกับคนถ้วนถี่นั้นไม่เหมือนกัน คนคิดมากจะไม่ลำดับข้อมูลที่ควรนำมาพินิจ แต่ว่าจะนำทุกปัญหามารวมกันกระทั่งทำให้มองไม่เห็นทางออก แต่ผู้ที่คิดถ้วนถี่จะคิดเกิดเรื่องๆและลำดับความสำคัญว่าเรื่องใดควรมาก่อนมาข้างหลัง ทำให้คิดเป็นกรรมวิธีการและได้คำตอบในแต่ละปัญหาอย่างเร็ว ซึ่งคนชนิดที่คิดมากเมื่อทำธุรกิจ

จะไม่กล้าคิดแผนสำหรับในการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างผลกำไร เพราะว่ากลัวความผิดพลาด ทำให้เสียโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต หรือ คนที่คิดมากเมื่อดำเนินงานเป็นมนุษย์เงินเดือน จะกลัวการเสนอความคิดเห็น หรือ


ไม่กล้าที่จะปฏิบัติงานย า กๆเพื่อพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นเนื่องจากว่าการพิเคราะห์โดยใช้ทุกความคิดมารวมกัน จนถึงกลายเป็นความรู้สึกไม่สบายใจ หรือ ขย า ยกระทั่งเป็นความขลาดกลัว ที่จะรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น ถึงแม้ว่าช่องทางมาอยู่ข้างหน้า
นิสัยพาจน
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13475/