5 แนวทางแก้นิสัยโมโหง่ายให้เปลี่ยนเป็นคนใจเย็นขึ้น

[Beer625]

5 วิธีแก้นิสัยคนขีโกรธให้เปลี่ยนเป็นคนใจเย็น(กว่าเดิม)

1. ระงับคำบอกเล่าแล้วก็การกระทำในยามที่โกรธคือถ้าหากมีความคิดว่า อารมณ์กำลังพลุ่งพล่าน


ให้สงบนิ่งไว้ จำไว้เสมอว่า...ความคิดใดๆก็ตามคำกล่าวอะไรก็ตามพฤติกรรมอะไรก็ตามถ้าหากมีขึ้นในยามโก รธ


มักเป็นไปในทางทำลายรุ นแร งอาจสาแก่ใจชั่วครู่ แต่ว่าสุดท้ายจะไม่เป็นผลดี

ก ฏเหล็กเบื้องต้นที่จำเป็นต้องทำให้ได้คือ...เราจะไม่กล่าวหรือทำอะไรเด็ดข าดในย ามที่โกร ธ

รอให้ใจเย็นก่อน หายโก รธก่อนและหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน

2. ตรึกตรองโท ษของความโก รธและก็คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากความปรานีคือให้ย้อนคิดถึงชีวิตก่อนหน้าที่ผ่านมา

ว่าเราเสียอะไรไปบ้างเนื่องจากว่าความโก รธทำคนไหนกันแน่เศร้าใจกี่คน ทำลายโอกาสได้ไปเท่าไร

ทำลายความเกี่ยวข้องไปเช่นไรสิ่งกลุ่มนี้ให้ก้มมาคิดเสมอๆคิดซ้ำให้มากๆ


พิจารณาจนปัญญาเห็นด้วย หมดข้อแก้ตัวอย ากปรับแก้ตนเองด้วยความเต็มใจ


เพราะเหตุว่ามั่นอกมั่นใจแล้วว่า ความขุ่นเคืองไม่ใช่ของดีแต่ว่าเป็นสิ่งที่ทำลายความสุขแล้วก็ความเจริญรุ่งเรือง

ทั้งยังของเรา ผู้ที่พวกเรารัก รวมทั้งผู้ที่รักพวกเราไม่มีผู้ใดได้อะไรเลยจากความโก รธ

ธรรมชาติของคนพวกเราเกลียดชังให้คนไหนกันแน่มาสั่งเท่าที่พวกเรายังไม่ต กผลึ กยอมแพ้ด้วยตนเองว่า

ถึงเวลาแล้วที่เราจำต้องแปลงตนเองคนใดกันแน่จะบอกคนไหนกันแน่จะบอกจะสอนก็ย ากยิ่งที่คนเราจะเปลี่ยน

เช่นนี้แล้ว พวกเราก็เลยจำเป็นต้องกระทำตัวเป็นอาจารย์ของตนเองเพื่อสั่งสอนตนเองให้มองเห็นพิ ษภั ยของความโก รธรังเกียจอารมณ์ทำลาย

3. สร้างความสุขเล็กๆน้อยๆให้คนอื่นจนถึงเป็นนิสัยเป็นให้รู้จักสรรเสริญ ให้กำลังใจผู้คนเสมอๆ

เมื่อทำให้เขาเป็นสุขแล้วให้พวกเรารู้จักเอาใจไปสัมผัสความรู้สึกนั้นเรียกว่า ให้จิตใจเราประทับใจ

กับความรู้สึกที่เย็นใจอยู่เสมอพวกเราบางครั้งก็อาจจะลองเทียบกันดูก็ได้ว่าอารมณ์รูปแบบนี้ กับอารมณ์ในยามที่โก รธ

แบบไหนดีมากกว่ากันถ้าเกิดดวงใจเราคุ้นกับความรู้สึกที่ดีมันจะเบาๆอิดหนาระอาใจความโมโหไม่ชอบชิ งชั งไปทีละน้อยๆ

ในข้อนี้เป็นการแ ก้กิเล สด้วยกุศ ลศัตรูถ้าหากความโกรธเป็นด้านมืดในที่นี้ด้านสว่างก็คือความปรานี

พวกเราอาจขับไสความมืดมนมิได้แต่ว่าถ้าเกิดเราจุ ดไ ฟได้ ความมืดดำจะหายไปแล้วก็ความสว่างจะเข้ามาแทนที่

ภาษาธรรมเรียกสิ่งนี้ว่า การทวนกระแสกิเล สคือใช้ธรรมคู่ตรงข้ามมาจัดแจงกิเล สให้เบาบาง


4. ฝึกมองความรู้สึกด้วยความจริงใจที่เป็นกลางในข้อนี้คือธรรมะชั้นลึก เป็นการเจริญรุ่งเรืองสติ


คือเราฝึกหัดมองอารมณ์ต่างๆของเราด้วยความเต็มใจที่เป็นกลางเหมือนความนึกคิดความรู้สึกนั้นไม่ใช่เรา

ดีอกดีใจก็ไม่เข้าไป เศร้าใจก็ไม่เข้าไปคนสรรเสริญก็วางไว้ คนนินทาก็วางไว้ฝึกฝนให้มีความเห็นว่าอารมณ์ความคิดกลุ่มนี้

หากดวงใจเราเข้าไปยึดท้ายที่สุดก็ไม่ดีทั้งนั้นเพราะเหตุว่ายึดข้างหนึ่ง อีกข้างก็จะตามมาด้วยเหมือนในกำเหรียญไว้ภายในมือ

ก็จะได้ทั้งยังหัวอีกทั้งก้อยมาในคราเดียวรักสุขก็จะได้ทุ กข์เป็นของแถมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในข้อนี้ถ้าหากฝึกเสมอๆนอกจากความขุ่นเคืองแล้วยังช่วยกำจัดตัดทอนพลังความนึกคิดด้านล บได้ทั้งสิ้น

ดังเช่นว่าความหม่นหมองความเหงาความเบื่อหน่ายต่างๆจิตใจจะเป็นกลาง หนักแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

5. รู้จักอยู่ รู้จักข้อเสียจุดแข็ งของตัวเองเป็นให้รู้จักดูตนเองถ้าหากพวกเราโก รธใครกันแน่เสมอๆ

เวลาอยู่ใกล้ก็ให้ระวังบางที กับคนบางบุคคลให้สังเกตดูเหอะว่า พวกเราก็โกรธเขา

โกรธคนๆนี้ จนแปลงเป็นความคุ้นเคยเพียงแต่เห็นหน้ายังไม่ทันทำอะไร

ใจก็วูบๆไหวๆความอารมณ์เสียก็เริ่มเข้ามานี้ควรจะหลบหลีกการปะทะดังนี้ในกรณีที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ

เป็นต้นว่าเป็นคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัว เป็นสามีภรรย าเป็นลูก เป็นเจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนฝูง แบบงี้ก็ให้ยกเอาสิ่งที่เขาทำขั ดหัวใจพวกเรา

มาเป็นสิ่งที่ใช้ในการฝึกหัวใจของพวกเรา ฝึกหัดอภั ยดีมากกว่าปล่อยใจของเราให้ต กต่ำไป

ด้วยเหตุว่ามัวแต่วิวาทกับเขาให้เอาความขัดแย้ งนั้นมาบ่มเพาะความรัก เมตตาขอให้เรารับรู้ไว้ว่า ส่วนมากแล้ว

แม้ขัดแย้งแต่ว่ามีความสำคัญจำต้องอยู่ร่วมกันตัดกันไม่ข าด แย กกันไม่ข าดสิ่งนี้มักมีสาเหตุมาจากมีบุญก ร ร ม

ชมรมร่วมกันมานานกลายเป็นแรงก ร ร มผูกพัน ผู กรั้งไม่ให้ไปไหนแบบงี้ยิ่งจะต้องรู้จักระวัง หยุด สำรวม

อย่าไปสร้างกรรมให้กันและกันมากขึ้นการเป็นคนอารมณ์เสียง่าย ไม่มีอะไรดีมีแม้กระนั้นเสียคุณประโยชน์ เสียทั้งสุขภาพร่างกายหัวใจ

ทำลายความสัมพันธ์ ทำลายหน้าที่การงานทำลายบารมีในตนแปลงเป็นผู้ที่สร้างความทุ กข์ให้ผู้อื่น

แล้วก็ตัวเองก็กล่าวโทษสุขได้ย าก5 ข้อนี้ ฝึกแรกๆจะทำได้ย ากแม้กระนั้นขอให้ทรหดอดทนฝึกฝนทำทุกข้ออย่างสม่ำเสมอ

สำคัญเป็นควรมีกำลังใจ และก็วินัยฝึกหัดแรกๆอย่าปล่อยใจตามความเคยชินของตนเองท้ายที่สุดแล้วเราจะต้องมีความรู้ความเข้าใจว่า

การลดมานะอนัตตาของตนเองลดความโมโหเกลียดของตนเองพวกเราไม่ได้ทำเพื่อผู้ใดแต่ว่าเราทำเพื่อยกระดับจิตใจของตัวเอง

เพื่อความสุขของเราเองจริงอยู่สิ่งนี้ไม่ใช่ของง่าย แต่ว่าถ้าทำเป็นวันหนึ่ง ทราบจะสัมผัสถึงความเบาใจของชีวิต

มีชีวิตที่ค่อยขึ้น สบายขึ้นถึงวันนั้นเราจะยินดี และรู้สึกขอบพระคุณตนเองรู้สึกยินดีว่า พวกเราสามารถข้ามผ่านตัวตนเก่าๆ

ไปสู่ตัวตนใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมและสิ่งนี้เป็นการมอบความรักแล้วก็ความปรานีให้ตัวเองอย่างแท้จริง...

โมโห
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12886/
คำค้นหา : ใจเย็นขึ้น